แผ่นยันต์ตารางเพชร (เกราะเพชร)
หลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสังวโร วัดคลองมอญ จ.ชัยนาท
แผ่นทองแดง ขนาด 5 × 5 นิ้ว

วิชาเกราะเพชร คือ “ ยันต์เกราะเพชร ” หรือ " ยันต์ตาข่ายเพชร "
เป็นสุดยอดวิชาที่หลวงพ่อมหาโพธิ์ ท่านมีความชำนาญอย่างแตกฉาน เป็นยันต์ตามตำราของหลวงปู่ศุขที่เรียนและสร้างได้ยาก การลงนั้นต้องท่องสูตรคาถา พระอิติปิโสรัตนมาลาทั้ง ๕๖ บท ให้ได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง รวมทั้งบทปลีกย่อยอื่นๆ อีกมากมาย โดยการลงยันต์นั้นต้องกลั้นใจลงตามสูตร สืบเนื่องมาจากหลวงพ่อบุญยัง คงฺคสโร วัดหนองน้อย ได้เล่าให้ฟังว่าครั้งเมื่อสมัยที่หลวงปู่ศุข เกสโร ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ลองวิชาเกราะเพชรนี้ กับพระเกจิผู้แก่กล้าวิชารูปหนึ่ง ที่ได้เดินทางผ่านมาวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระรูปนั้นได้บอกกล่าวกับหลวงปู่ศุขว่า "จะขี่ม้าพยนต์เข้ามาในโบสถ์ให้ดู" หลวงปู่ศุขท่านจึงได้เอาผ้ายันต์เกราะเพชร ขึงไว้หน้าประตูโบสถ์ ปรากฎว่าม้าพยนต์ไม่สามารถผ่านยันต์เกราะเพชรเข้าไปได้ พระรูปนั้นเมื่อแพ้วิชาของหลวงปู่ศุข ก็ได้เดินทางกลับไป เมื่อหลวงพ่อมหาโพธิ์ได้ฟังเรื่องราวนี้ท่านจึงเกิดความสนใจและได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาเกราะเพชร จนสามารถลงบนแผ่นยันต์และผ้ายันต์ได้

การลงยันต์เกราะเพชร ต้องท่องสูตรคาถาพระอิติปิโสรัตนมาลา ๕๖ บาท ให้ได้จนขึ้นใจทั้งเดินหน้าและถอยหลังได้รวมทั้งบทปลีกบทย่อยอื่นๆ อีกมากมาย ในการลงยันต์เกราะเพชร ท่านบอกว่ายันต์เกราะเพชร เป็นยันต์ที่ค่อนข้างยากผู้เรียนจะต้องมีความขยันหมั่นเพียร กับความอดทน และการประสิทธิ์ประสาทจากครูบาอาจารย์ น้อยคนนักที่จะลงยันต์เกราะเพชรได้ บางคนมาขอเรียนเห็นพระคาถา ๕๖ บาท ก็ท้อแล้วไม่อยากจะท่องจำ ความเพียรพยายามไม่มี การลงยันต์ก็ต้องหายใจลงตามสูตรพระคาถา ๕๖ บาท ผู้ที่ฝึกฝนใหม่ ๆ ต้องใช้เวลาเรียนเกือบทั้งวันกว่าจะลงยันต์เสร็จ อย่างตัวของหลวงพ่อเองใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่งโมง ถือว่าลงได้เร็วมากแล้วเพราะท่านฝึกมา ตั้งแต่อายุยังรุ่นอยู่ ในสมัยก่อนยามว่าง ท่านมักลงตระกรุดเกราะเพชรและทำผงพุทธคุณเกราะเพชรทั้งชนิดป้องกันตัว และถอนคุณถอนของคนที่ถูกผีเข้า ท่านจะเอาตะกรุดเกราะเพชรที่เป็นแผ่นแบบยังไม่ได้ม้วนเป็นตะกรุดตบหัวคนถูกผีเข้า ผีจะทรุดลง และออกจากตัวคนถูกเข้าไปทันที ตะกรุดส่วนใหญ่ท่านจะใช้แผ่นทองแดงมาลงยันต์เกราะเพชร ยกเว้นแผ่นถอนของท่านจะใช้แผ่นตะกั่ว ส่วนตะกรุดเนื้อเงินท่านจะลงให้เฉพาะกับศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น

การลงยันต์เกราะเพชร จำเป็นต้องท่องสูตรคาถาพระอิติปิโสรัตนมาลา ๕๖ บท ให้ได้จนขึ้นใจทั้งเดินหน้า และถอยหลังได้รวมทั้งบทปลีกย่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ท่านบอกว่ายันต์เกราะเพชรเป็นยันต์ที่ค่อนข้างยาก ผู้เรียกสูตรจะต้องมีความขยันหมั่นเพียร มีความอดทน และได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาจากครูบาอาจารย์ น้อยคนนักที่จะลงยันต์เกราะเพชรได้ บางคนมาขอเรียนเห็นพระคาถา ๕๖ บท ก็ท้อแล้วไม่อยากจะท่องจำ ความเพียรพยายามไม่มี การลงยันต์ก็ต้องกำหนดลมหายใจลงตามสูตรพระคาถา ๕๖ บท ผู้ที่ฝึกฝนใหม่ๆ ต้องใช้เวลาเรียนเกือบทั้งวันกว่าจะลงยันต์เสร็จ อย่างตัวของหลวงพ่อเองใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง ถือว่าลงได้เร็วมากแล้วเพราะท่านฝึกมาตั้งแต่อายุยังรุ่นอยู่

ในสมัยก่อนยามว่าง หลวงพ่อท่านมักลงตระกรุดเกราะเพชรและทำผงพุทธคุณเกราะเพชรทั้งแบบชนิดป้องกันตัว และแบบถอนคุณถอนของ คนที่ถูกผีเข้าท่านจะเอาตะกรุดเกราะเพชรที่เป็นแผ่นแบบยังไม่ได้ม้วนเป็นตะกรุด ตบหัวคนถูกผีเข้า ผีจะทรุดลง และออกจากตัวคนที่ถูกผีเข้าไปทันที ตะกรุดส่วนใหญ่ท่านจะใช้แผ่นทองแดงมาลงยันต์เกราะเพชร ยกเว้นแบบถอนคุณถอนของ ท่านจะใช้แผ่นตะกั่ว ส่วนตะกรุดเนื้อเงินท่านจะลงให้เฉพาะกับศิษย์ใกล้ชิด เท่านั้น เกี่ยวกับประสบการณ์ในตะกรุดเกราะเพชร มีส.ส.ท่านหนึ่งในจังหวัดชัยนาท ที่เคารพนับถือหลวงพ่อมากได้ขอตะกรุดท่านไปใช้พกติดตัว ขณะหาเสียงถูกผู้ที่ปองร้ายใช้ระเบิดปาใส่ ปรากฏว่า ส.ส.ท่านนั้นไม่เป็นอะไรเลย

มีครั้งหนึ่งหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จะมีการจัดสร้างพระกริ่ง ท่านได้รวบรวมชนวนโลหะต่างๆ และลูกศิษย์ของท่านก็ได้ตระเวนไปขอตะกรุดจากหลวงพ่อต่างๆ มากมาย พอตอนที่นำตะกรุดต่างๆมารวมกันเพื่อเตรียมหลอมเข้าด้วยกัน หลวงปู่โต๊ะท่านได้หยิบตะกรุดเกราะเพชรของหลวงพ่อมหาโพธิ์ขึ้นมา และบอกกับลูกศิษย์ว่า ยังมีพระที่ทำตะกรุดได้ดีขนาดนี้อีกหรือ และท่านยังบอกว่าตะกรุดนี้ทำได้อย่างถูกต้องตามตำรา รวมทั้งยังให้ลูกศิษย์ไปขอจากหลวงพ่อมหาโพธิ์เพิ่มอีก

เมื่อราวสิบปีก่อน อัยการท่านหนึ่ง เคยดำรงตำแหน่งอยู่ในจังหวัดยะลา ท่านเล่าว่าเรื่องนี้ได้ฟังจากท่านผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ในวันหนึ่งขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์พิจารณาคดี จู่ๆ เกิดมีชายสูงอายุต่างศาสนาผู้หนึ่งไว้หนวดเครา ยืนขึ้นกลางห้องพิจารณาคดี แล้วใช้นิ้วชี้มายังท่านผู้พิพากษา อีกมือหนึ่งกำมือแล้วยกมาที่ริมฝีปาก แล้วพลางทำท่าเขวี้ยงมาทางท่านผู้พิพากษา (มือเปล่า) เมื่อท่านผู้พิพากษาเห็นดังนี้ก็ดุเตือนให้นั่งลง แต่ชายผู้นี้ก็ไม่สนใจยังคงภาวนาพึมพำ แล้วเขวี้ยงมือมายังท่านจนครบสามครั้ง ขณะนั้นท่านผู้พิพากษากำลังเรียกเจ้าหน้าที่ให้มากุมตัวชายผู้นี้ออกไปจากห้องพิจารณา ความว่างเปล่าเบื้องหน้าท่านผู้พิพากษาก็เกิดเสียงดัง แป๊บ แป๊บ !! เปรี้ยะ !! เสียงที่ว่าคล้ายเสียงไม้ตียุงไฟฟ้า พลันมีตะปูเก่าๆ ล่วงลงมาเบื้องหน้าท่านผู้พิพากษาราว ๒ ถึง ๓ ตัว ตะปูนี้มาจากไหน? ผู้พิพากษาท่านก็ไม่เห็นว่ามาจากไหน เพราะพื้นที่เบื้องหน้าท่านมีแต่ความว่างเปล่า หากคิดในด้านคุณไสย เชื่อว่าตะปูนี้ส่งมาด้วยอาคมและคงไม่มีใครนอกจากชายชราที่อยู่เบื้องหน้า ตะปูนี้คล้ายชนเข้ากับเกราะหรือพลังบางอย่างที่คุ้มครองอยู่ วันนั้นในตัวท่านผู้พิพากษาพกตะกรุดเกราะเพชร ของหลวงพ่อมหาโพธิ์เพียงดอกเดียว ด้วยท่านเป็นศิษย์มีความเคารพหลวงพ่อมหาโพธิ์มาก เรื่องนี้สร้างความอัศจรรย์ให้ท่านผู้พิพากษา เชื่อว่าวันนั้นไม่มีอื่นใดที่คุ้มครองท่านนอกจากตะกรุดเกราะเพชร

หลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสังวโร วัดสุวรรณโคตมาราม (วัดคลองมอญ) ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท พระเถระผู้สืบทอดตำรับวิชาคาถาอาคมของพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า อดีตเจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทตำราคัมภีร์ทางพุทธคุณมาจากหลวงพ่อบุญยัง คงคสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองน้อย ตำแหน่งฐานานุกรมที่ "พระใบฎีกา" ในพระครูวิมลคุณากร เจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ และพระอาจารย์กลับ แสงเขียว อดีตเจ้าอาวาสวัดดอนตาล ตำแหน่งฐานานุกรมที่ "พระสมุห์" ในพระครูวิมลคุณากร เจ้าคณะอำเภอวัดสิงห์ จนสำเร็จเจนจบทุกวิชา นับเป็นทายาทศิษย์สายตรงรุ่นที่สามของหลวงปู่ศุข ที่ได้รับการถ่ายทอดตำราคัมภีร์ด้านพุทธคุณ มาแต่เพียงผู้เดียว